วันพฤหัสบดีที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2557

Lecture 7: Usability Engineering

วันนี้จะมาคุยกันเรื่อง  Usability Engineering กันนะคะ

แล้วUsability Engineering  คืออะไร ?
Usability Engineering คือ กระบวนการสร้างบางสิ่งให้เป็นมิตรกับผู้ใช้(User Friendly) โดยผู้ใช้สามารถเรียนรู้ และ เข้าใจการใช้งานเองได้ง่าย นอกจากนี้ยังต้องมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ประสิทธิภาพ (Efficiency)คือ ผลงานใช้งานหรือทำงานได้ดี วัดที่ปริมาณ คุณภาพ เวลา 
ประสิทธิผล (Effectiveness) คือ   ผลงานสำเร็จตามเป้าหมาย

โดย Goal หลักUsability Engineering ของก็คือ 
  • Know the user => รู้ว่า user คือ ใคร ?
  • Know the task => รู้ว่า งาน คืออะไร ?
  • Know the environment => รู้ว่า สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ?

ตัวอย่างที่ชัดเจนในช่วงนี้ก็คือ กระแสเกม 2048 ที่มีคนมากมายติดเกมนี้ เเม้แต่ใน class ที่กำลังเรียนอยู่นี้ก็เชือว่า ต้องมีอย่าง 1 คนกำลังเล่นอยู่แน่นอน 555  ถ้าใครยังไม่รู้จัก ก็ลองเข้าเล่นได้ที่เว็บนี้ http://gabrielecirulli.github.io/2048/

ซึ่งสิ่งที่ทำให้คนติดเกมนี้ นั้นก็คือ การที่คนอยากเอาชนะเกมนี้ได้ แม้หน้าตาของเกมก็เรียบง่าย ไม่มีได้มีกราฟิค ตระการตาอะไรมาก แต่ก็ภายในเกมก็แอบแฝง AI อยู่ เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมของผู้เล่น



แล้วการมีทำให้ผลงานของเราน่าสนใจ เป็นที่ติดตา ติดตลาด ได้ ก็ต้องผ่านกระบวนการ "เก็บผลสำรวจ" ก่อนเสมอ เพื่อจะได้สร้าง Goal ไปได้อย่างถูกทิศทาง 

ตัวอย่างอย่างนึงที่ชัดเจน ก็คือ สินค้า Apple ที่ติดตลาดเป็นอย่างมากในทุกวันนี้ เพราะ Steve Job ให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ ถึงแม้ว่าสินค้านั้นจะมี feature เยอะ function แยะ แต่ถ้าไม่ Usability กับผู้ใช้ ก็ทำให้สินค้าไม่ได้รับความสนใจอยู่ดี

การเก็บผลสำรวจ(Survey)ของผู้ใช้งานนั้นก็สามารถเก็บได้หลายวิธี ดังนี้

  • Questionnaires(แบบสอบถาม)  
  • Observation(การสำรวจ)  ,
  • Activity logging (การเก็บบันทึก) 
  • Interviews  (การสัมภาษณ์)
ซึ่งข้อมูลแต่ละประเภทก็เลือกใช้วิธีการสำรวจข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป


Vocabulary
Ethnography = การเข้าไปฝังตัวแบบไม่แปลกเเยก ทำให้รุ้สึกว่า user กำลังถูก observe

My opinion : การสร้างผลงานบางสิ่งขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่เราต้องควรให้สำคัญ ก็คือ Usability กับผู้ใช้หรือไม่ ? หลายคนไม่ได้มองถึงจุดนี้ จึงทำให้ feature หรือ function ในผลงานไม่ได้ใช้เต็มศักยภาพ เพราะ มีแต่ใช้ไม่เป็น หรือ ใช้ยาก เลยทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ใช้มัน และการจะรู้ว่า มัน Usability กับ  User หรือไม่ ? เราต้องออกไป Survey จริงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง กับ ผู้ใช้จริง เเละ ผลงานเราก็จะตอบโจทย์ผู้ใช้มากที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557

Hello world Exhibition @ TCDC

       วันนี้ได้มีโอกาสไป งาน Hello world Exhibition @ TCDC เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนคงไม่รู้จักมาก่อน ซึ่งเช่นเดียวกับดาวก็ไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน ซึ่งชื่องานเต็มๆคือ Hello World! เราจะออกแบบอนาคตกันอย่างไร




         Concept งาน ต้องการสื่อถึงว่า โลกดิจิตอลเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าถึง การมีทักษะด้านภาษาคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องจำเป็นแม้ว่าเราจะ ไม่ใช่ โปรแกรมเมอร์ ก็ตาม แต่ก็ควรรู้ว่า คอมพิวเตอร์ มันถูกเขียนขึ้นอย่างไร?

TCDC หรือ Thailand Creative & Design Center ตั้งอยู่ที่ Emporium  ถ.สุขุมวิท โดยสามารถเดินทางมาโดย BTS ได้โดยลงที่สถานี พร้อมพงษ์

ที่นี่แบ่งออกเป็นส่วนคือ ส่วนนิทรรศการ และ ส่วนห้องสมุด

- ส่วนนิทรรศการ Hello world  โดยนิทรรศการนี้จะสะท้องให้เห็นแนวคิด 4 ด้าน คือ
  • เหมือนหรือต่าง
  • บิด ปรับ แปลง
  • ของเก่าเท่ากับคุณค่าใหม่ ของใหม่คลี่คลายโจทย์เก่า
  • โลกที่เป็นหนึ่งเดียว

ในแต่ละด้านดาวจะขอแต่หยิบยกผลงานที่ดาวรู้สึกชื่นชอบละกันคะ^^


แนวคิดที่ 1 – เหมือนหรือต่าง


     โดยสิ่งที่สะท้อนชีวิตของคนเมืองนิวยอร์กได้เป็นอย่างดีที่สุด คือ การถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหนังเรื่อง แมนฮัตตัน เมือง New York เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนหลายชาติ หลายภาษา และ มีอิสรภาพในการสร้างสรรค์และใช้ชีวิต  แต่ก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้


แนวคิดที่ 2 - บิด ปรับ แปลง

     เมื่อเวลาผ่านไปทำให้เส้นคั่นระหว่างพื้นที่ระหว่างลดลง จึงทำให้เปิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมให้แก่กันและกัน จึงให้เกิดกระบวนการ บิด ปรับ แปลง และต่อยอดเป็นสิ่งใหม่ๆ





นี่คือ เหล้าญี่ปุ่นแรกของญี่ปุ่น ที่มีต้นกำเนิดที่ชาติไทย 
เอ๊ะ ทำไมมันมีต้นกำเนิดที่ชาติไทยละ?  เพราะเหล้าชนิดนี้กลั่นจากข้าวไทย ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว เนื่องด้วยอากาศในเมืองไทยค่อนข้างร้อน จึงไม่เหมาะที่จะทำสาเกไทย แต่กลับนำไปกลั่นได้ดีที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะคนญี่ปุ่นรู้จัก ปรับ และ แปลง นี่เอง



นี่คือ กระดาษห่อ Hamburger  ที่เป็นรูปใบหน้าและปากผู้หญิง ซึ่งมีแนวคิดมาจาก การกินแฮมเบอร์เกอร์ ต้องอ้าปากกว้างๆในการรับประทาน  ผู้หญิงจึงรู้สึกเขิน และ อาย เวลากินแฮมเบอร์เกอร์คำใหญ่ๆ 
จึงมีแนวคิด เปลี่ยนกระดาษ Hamburger  เป็นรูปใบหน้าและปากผู้หญิงเสียเลย จะได้อำพลาง เวลากิน Hamburger   คำโต และไม่ต้องกังวลอีกต่อไป ว่าไปความคิดนี้ก็เก๋ดีไม่ใช่น้อย 555


แนวคิดที่ 3 - ของเก่าเท่ากับคุณค่าใหม่ ของใหม่คลี่คลายโจทย์เก่า

     การสร้างสรรค์อนาคตเราสามารถทำได้ทั้ง สร้างของใหม่ที่ไม่เคยมีบนโลกเลย หรือ กลับไปนำของเก่ามาสร้างสรรค์ใหม่


เครื่องพิมพ์ดีดที่ต่อสาย USB กับจอ iPad


ตัวอย่างนี้ เราสามารถมองเห็นได้สองมุมมอง คือ การทำให้จากเดิมที่เครื่องดีดพิมพ์ ที่พิมพ์ลงบนกระดาษธรรมดาๆ(เทคโนโลยีสมัยเก่า)  เปลี่ยนมา สามารถนำมาแสดงผลได้เลย ผ่านจอ iPad(เทคโนโลยีสมัยใหม่)  
แต่ในทางกลับกัน ก็ได้กลับไปสัมผัสถึงวิถีชีวิตแบบเก่าๆ โดยเปลี่ยน จากการพิมพ์ข้อความใน iPad ผ่าน On-screen keyboard (เทคโนโลยีปัจจุบัน)  กลับไปใช้ การพิมพ์สัมผัสผ่านเครื่องพิมพ์ดีด(เทคโนโลยีสมัยเก่า)   อีกทั้งยังได้ยินเสียงปัดแคร่และแป้นเครื่องพิมพ์ดีดอีกด้วย ซึ่งก็ได้รสชาติการพิมพ์ไปอีกอย่าง



แนวคิดที่ 4 – โลกที่เป็นหนึ่งเดียว

     เพราะ เทคโนโลยีไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและกระจายทรัพยากรได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น แต่ยังเปิดเสรีภาพในการสร้างสรรค์ และ ความคิดด้วย 



สิ่งนี้คือ ที่กันคิ้วสำหรับผู้ชายหลายคนอยากเกิดคำถามในจิตใจว่า เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขาก็กันคิ้วกันด้วยหรอ ? คำตอบ คือ ใช่คือ เพราะ ผู้ชายสมัยนี้สนใจดูแลตัวเองและภาพลักษณ์กันมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะมากันคิ้วเหมือนผู้หญิงบ้าง แต่กลับขายดิบขายดีที่ประเทศญี่ปุ่นไปด้วยซ้ำ





"หุ่นยนต์น้องดินสอ กับหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุ"  สร้างโดยผีมือคนไทย
น้องดินสอเป็นหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ โดยจะทีจอ LED ใหญ่ๆเป็นหน้าตาของน้องดินสอ เพื่อแสดงผล  นอกจากนี้
ยังมีกล้องปกติสองตัว และ กล้อง HD อีก 1 ตัว เพื่อจับความเคลื่อนไหว เมื่อผู้สูงอายุหกล้มหรือต้องการคนดูแล ก็จะส่ง sms ไปหาลูกหลานหรือแพทย์พยาบาลทันที


-ส่วนพื้นที่ห้องสมุด TCDC



     อยากบอกว่า ห้องสมุดนี้ถือได้ว่า เป็นห้องสมุด ที่ทันสมัยสุดๆ แห่งหนึ่ง เพราะได้นำเทคโนโลยีต่างๆ มาประยุกต์ใช้  แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ส่วนนี้ เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ทำการถ่ายรูป  เลยถ่ายมาได้เพียงด้านหน้า เพราะการถ่ายรูปจะเป็นการรบกวนผู้ใช้คนอื่นๆที่เข้ามาใช้บริการ งั้นดาวจะเล่าบรรยากาศภายในผ่าน ตัวอักษรละกันคะ

TCDC ย่อมาจาก Thailand Creative & Design Center (TCDC)
     วัตถุประสงค์หลัก ในการสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึง “ความรู้” เพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ

     TCDC เป็นห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ และใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย  ดังนั้นบรรยายกาศโดยรอบจึงดูทันสมัย ไม่น่าเบื่อ จัดเป็นสรรเป็นส่วน เพื่อเหมาะสำหรับสร้างสรรค์เดียใหม่ๆ

      สิ่งแรกที่ทำให้ห้องสมุดแห่งนี้ต่างจากที่อื่นคือ สามารถค้นหา หนังสือ ผ่าน  shelves browser ได้ 
shelves browser คือหน้าจอแสดงตำแหน่งที่ตั้งของหนังสือในทุกๆ shelve นอกจากนี้ยังสามารถเปิดอ่าน intro และ สารบัญก่อนได้ด้วยที่เราจะต้องปืนขึ้นไปเอา 
     การปืนขึ้นไปเอาหนังสือก็มีบันไดเหล็กที่เลื่อนไปมาได้ง่ายไว้ให้บริการ หรือ จะเรียกให้พนักงานบริการให้ได้ด้วยเช่นกัน

     ถัดมาการยืมหนังสือ  ห้องสมุดแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นหนังสือต่างประเทศ หายาก เเละ ราคาสูง จึงไม่อนุญาติให้ ยืมหนังสือกลับบ้าน แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมีบริการให้ซีร๊อก เเละ สแกนเนอร์แทน นอกจากนี้ยังมีคั่นหนังสืออัจฉริยะ ที่สามารถบันทึกไว้ได้ด้วยว่าล่าสุดเราอ่านหนังสือไหน ถึงหน้าที่เท่าไหร่ จึงไม่เป็นปัญหาว่าสำหรับการใช้บริการครั้งหน้า

      ส่วนสุดท้ายที่ตื่นเต้นที่สุด ก็คือ ห้องสมุดวัสดุเพื่อการออกแบบ Material ConneXion Bangkok เพราะไม่ค่อยเห็นห้องสมุดแบบนี้มาก่อน เคยเห็นเเต่ห้องสมุดที่เต็มไปด้วยหนังสือ แต่ที่นี่กลับรวบรวมวัสดุที่ใช้ในการผลิตเพื่อการออกแบบกว่า 4,500 ชิ้น  นอกจากนี้ยังสามารถสัมผัสวัสดุที่นักออกแบบระดับโลกใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ได้ด้วย


     เพื่อนคนไหนสนใจก็เชิญชวนให้ลองไปชมนิทรรศการ Hello world Exhibition @ TCDC หรือ ลองไปใช้บริการที่ห้องสมุดกันก็ได้คะ ที่ห้องนิทรรศการ 2 ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชั้น 6 ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้ง คอมเพล็กซ์


วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

Lecture 6 : Interaction Design at TK Park Central World

วันนี้เรามาเรียนนอกสถานที่กัน เเละที่นั้นก็คือ TK Park ที่Central World  
มีใครรู้บ้างไหมว่า TK Park ย่อมาจากอะไร ?  
TK Park หรือ Thailand Knowledge Park  นั้นเอง


ห้องสมุดที่นี่ มีความตั้งใจให้เป็นอุทยานการเรียนรู้สำหรับทุกคน ซึ่งไม่ใช่เพียงเป็นสถานที่เก็บหนังสือเท่านั้น แต่สร้างในรูปแบบของ “ห้องสมุดมีชีวิต” โดยเลือกที่จะตั้งกลางเมือง บนห้างสรรพสินค้า เพื่อง่ายต่อการเดินทาง เพราะวิถีชิวิตของคนปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปเเล้ว

บรรยายกาศห้องสมุดดูค่อนข้างชิล ทันสมัย ไม่น่าเบื่อ เเละมีหนังสือให้เลือกอ่านได้หลายหลาย








ห้องแรก ก็คือ "ห้องเด็ก" สร้างมาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ
ด้วยการออกแบบของห้อง ที่สร้างที่นั่งอ่านหนังสือ เป็นรูปรังผึ้ง จึงทำให้ถูกใจๆเด็กๆเป็นอย่างมาก เพราะวัยนี้เป็นวัยค่อนข้างซน ชอบปืนป่าย เเละ คงน่าเบื่อเเน่ๆ ถ้าต้องอ่านหนังสือในห้องรูปสี่เหลี่ยม ห้องสมุดในรูปแบบนี้จึงตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีเด็กๆเข้าไปนั่งไปอ่านหนังสืออย่างไม่ขาดสาย




ถัดมา "ห้องเงียบ" ห้องนี้เงียบจริงๆสมชื่อ
ส่วนใหญ่คนที่มาใช้ห้องนี้จะเป็นนักเรียน นักศึกษา เเละ วัยทำงาน เพราะห้องจะเงียบมาก ไม่มีความวุ่นวาย เเละเหมาะสำหรับการอ่านหรือทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง



ถัดมา "ห้องดนตรี" ห้องนี้ก็ได้รวบรวมเครื่องดนตรีไว้หลายหลายชนิด ทั้ง เปียโน กีตาร์ ฯลฯ ไว้สำหรับเล่น หรือ จะมานั่งฟังเพลงชิลที่ห้องนี้ก็ได้ ทั้งตัวห้องอีกติดกับหน้าต่างซึ่งสามารถมองออกไปข้างนอกได้ ก็สร้างบรรยากาศให้สำหรับนักแต่งเพลงได้ไม่น้อย :)



นอกจากนี้ก็ยังมีบริการ คอมพิวเตอร์ เพลง ภาพยนต์ สื่อมัลติมีเดียต่างๆ อย่างครบครัน ถ้าใครว่างๆ ลองเปลี่ยนจากการมาช๊อปปิ๊งที่ Central World มาเป็นมาอ่านหนังสือแทนกันนะคะ มั่นใจได้เลยว่าตังค์อยู่ครบ แถมยังได้ความรู้กลับบ้านไปด้วย ^^


My opinion : ห้องสมุดนี้ตอบโจทย์ คนเมืองได้ดี เพราะตั้งกลางกรุง อยู่บนห้าง และ เดินทางสะดวก ทำให้หลายคนที่เดินทางมาช๊อปปิ๊งมาแวะห้องสมุดไปในตัวอีกด้วย ไม่ก็พาลูกพาหลานมานั่งเล่นอ่านหนังสือรอที่แห่งนี้ ด้วยราคาค่าเข้าที่ไม่แพง มีหนังสือมากมายและหลากหลาย มีที่นั่งอ่านหนังสือรองรับ บรรยายกาศชิลๆ มีสื่อมัลมิมีเดียครบครัน มีอาหารเเละเครื่องดื่มบริการ จึงทำให้กลายเป็นที่ประจำของใครหลายๆคนทันที

การออกแบบค่อนข้างทันสมัย ไม่น่าเบื่อ ใช้ theme สีแดงขาวเป็นหลัก จึงสร้างความกระตือรือร้น เเละ กระชับกระเฉงแก่ผู้อ่าน  มีมุมอ่านหนังสือ เหมาะสำหรับทุกวัย มีที่นั่งรังผึ้งสำหรับเด็กให้เด็กได้ปืนป่าย ทำให้ไม่รู้สึกน่าเบื่อ ก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ มีที่นั่งเบาะที่นั่งชิลๆสบายๆ สำหรับอ่านหนังสือทั่วไป และมีโต๊ะเก้าอี้จริงจังไว้ให้สำหรับนั่งทำงาน