วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Lecture 5: ICT and Physical Computing in Museum

       This week ,The class start with Avatar movie. This movie use  some interactive technology that is "Motion Detection"  The character use the real human actor and cover the body with animation.It use the green point to match  between human and compute graphic. I think it is good and realistic animation




and the next, I will tell about OKMD.
OKMD ( Office of Knowledge Management and Development )
It is organization for  management and development knowledge of country.  There have some agencies under it such as
  • TK PARK
  • TCDC
  • NDMI


TK PARK : Thai Knowledge Park


          The objective of TKpark is to serve as the source of knowledge for the future. Therefore, the establishment of TK park presents with the new approach to an innovative vision to build Thailand towards a learning society by cultivating a positive attitude towards reading habit, the love of reading, creative thinking, and lifelong pursuit of knowledge among children and youth.



more information: www.tkpark.or.th/



TCDC: Thailand Creative & Design Center

        The objective of TCDC  is constantly develops ways to manage knowledge as well as to share and connect creativity with business practices, making it possible that imagination can change your life. 

more information: http://www.tcdc.or.th


NDMI: National Discovery Museum Institute


           NDMI Established a " Museum Siam " , This Museum is as a source of new learning . Learning and playing Focused on developing creative ideas to increase their knowledge and wisdom. And support and cooperation Networking with other museums Across the country to share learning and standardize processes . The management of museum quality and performance. More and strengthen knowledge appropriate to the social museology Thailand is targeting students , researchers and the general public





more information: http://www.ndmi.or.th


Physical computing

-Tangible = touchable  
-Hand on = practice to do something
eg: Micro-Controller, circuit and whole body interaction.


Cognitive 

process of thinking and recognition

What is Lifelong Learning ?

        Learning is not depend on study only in the classroom. You can find knowledge from anywhere and anytime. Moreover from your experience or something that you can see around yourself.


Learning in Museum

       When someone think about learning in museum. The museum  should make you feel  fun and not boring like as  classroom.  it should not be only text. But it should  be the real thing that you can touch , smell ,see, hear with your body. Moreover, the museum should has a lot interesting picture,vdo, and some interactive technology.     
     

      The behind section , P'O who guest speaker come from LI . He talk about idea and inspiration of the our Mega project. He show the your project and the project which he work with CPE for 2 years ago. He make me know that The Mega project is not from complex circuit, hard algorithm programming ,  BUT from your IDEA , your CREATIVE and Gimmick that you can apply from easy technical. And the finally, you will create and build the MEGA PROJECT success.


My opinion: I think "The great work is not from the great algorithm but from your great idea and creative". and I think the good idea from your experience. if you see a lot , it will have a lot of imagine in your mind. 





วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Whole Body Interactive



           Today,I will talk about Whole Body Interactive. I conclude it with my partner, Kanin. It is concluded in Thai version.  



Whole Body Interactive
Chapter 1 : Whole Body Introduction An Introduction
  • การปฏิสัมพันธ์โดยใช้ทุกส่วนในร่างกาย คือ การจับภาพและประมวลผลสัญญาณที่ได้จากการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อนำไปใช้ในการสร้างการตอบโต้กันใน สภาพแวดล้อมแบบดิจิตอล (เป็นความจริงเสมือนซึ่งใช้แทนโลกในทฤษฎี ซึ่งรวมทั้งสิ่งต่างๆในคอมพิวเตอร์ ตลอดไปจนถึงระบบเครือข่าย พูดง่ายๆให้เข้าใจก็คือ โลกเสมือนที่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล เช่น facebook มีavatarแทนแต่ละคน และ มีสังคม ที่คนมาคุยตอบโต้กัน เหมือนกับเราอยู่ในโลกจริงๆที่มานั่งถกกัน คุยกัน)
  • ความท้าทายในการสร้างระบบปฏิสัมพันธ์โดยใช้ทุกส่วนในร่างกาย คือ
    • จะออกแบบยังไง? เช่น Multi-user air guitar
      • เริ่มต้นด้วยการตั้งสมมติฐาน ว่า ผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์ทุกลักษณะมีความเกี่ยวข้องกับการปฏิสัมพันธ์ และจะต้องลบองค์ประกอบที่ไม่ต้องการออกไป
      • ต่อมา คือ จะต้องกำหนดว่า เราจะนำองค์ประกอบต่างๆ มาใช้งานร่วมกันยังไง
      • การออกแบบที่จะใช้ในการปฏิสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลก็จะถูกอธิบายรายละเอียดมากขึ้น
      • ขั้นตอนในการออกแบบก็จะถูกวนซ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละคนออกมา
      • สำหรับ Multi-user air guitar อาจจะใช้ optical flow ซึ่งเป็นทฤษฎีทาง digital image processing ที่จะคำนวณการเคลื่อนไหวของแสง เพื่อนำไปใช้ในการสร้างโน๊ตดนตรี แต่นั่นอาจจะเป็นวิธีที่ยากจนเกินไป โดยเราอาจจะนำ Piezoelectric ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปลี่ยนแรงกลต่างๆ ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้ง่ายมากขึ้น
    • ความรู้ทางวิศวกรรมที่จะนำมาใช้ในการปฏิสัมพันธ์? เช่น Wiimote ใช้อุปกรณืในการตรวจจับข้อมูลต่างจาก Kinect แต่ให้ข้อมูลที่เที่ยงตรง และตอบสนองได้รวดเร็วกว่ามาก
    • จะใช้หลักการอะไร? เช่น จะใช้เป็นการถ่ายภาพแล้วนำมาประมวลผล หรือจะใช้เป็นการเคลื่อนไหวจริง

Chapter 3 : Whole Body Interaction in Abstract Domains
  • Harmony Space เป็น ระบบ Interactive Digital Music ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ที่เริ่มต้น และผู้เชี่ยวชาญ มีความเข้าใจดนตรีมากขึ้น โดยใช้แนวคิดจากระบบดนตรี Tonality ซึ่งจะมีการแบ่งความสัมพันธ์ของแต่ละระดับเสียง(Pitch) ออกเป็นลำดับขั้น (Hierarchical) ซึ่ง Harmony Space จะใช้ dance mats, wii remotes และ projection screen ขนาดใหญ่ ในการควบคุมและแสดงผล
  • Harmony Space สามารถช่วยอธิบายทฤษฎีดนตรีแบบ Tonality ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจ และจับต้องได้ยาก ออกมาในรูปแบบของสิ่งที่เราสามารถปฏิสัมพันธ์กับมันได้จริง เป็นประสบการณ์ที่เป็นของจริง ซึ่งจะช่วยให้สามารถเรียนรู้และจดจำได้เร็วมากขึ้น นอกจากนี้ยังสนุกกับการเรียนรู้อีกด้วย


Chapter 8 : Whole Body Large Display Interfaces for Users and Designers
  • Body-centered model
คือ การให้ผู้ใช้ เป็นจุดโฟกัส ของการออกแบบและขั้นตอนการดำเนินงานแทนที่จะเป็น device, protocols  โดย designer จะออกเเบบตามการกระทำของมนุษย์
  • Why Body-Centered Interaction ?
เพราะ ในโลกของความเป็นจริง  ผู้ใช้งานไม่ต้องการถูกจำกัดการใช้งานอยู่ในกรอบของComputer โดยที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ เช่น mouse , keyboard แต่ต้องการอิสระ ความยืดหยุ่น การใช้งานมากกว่านั้น
  • Large Surfaces and Large Displays?
เพราะ การที่มีพื้นผิวเเละพื่นที่ขนาดใหญ่ จะเเสดงความสามารถในการ interactive ได้อย่าง ยืดหยุ่น ได้แก่  tablet ,Whiteboards และ tack-boards
  • Example Interaction Techniques
    • Body-based tools.
    • Sharing protocols in which real-world physical actions.
  • Fitts' Law  
แนวคิด คือ  ระยะเวลาที่ใช้ในการไปถึงเป้าหมายใดๆ นั้นแปรผันไปตามขนาดของเป้าหมาย และ ระยะห่างที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น
  • Interaction spaces จะแบ่งออกเป็น 3 อย่างคือ Personal space ,Peripersonal space ,Extrapersonal space


Chapter 10 : Capacitive Sensors for Whole Body Interaction
  • Capacitive Sensors
เป็น Sensor ที่ใช้สำหรับตรวจจับวัตถุโดยไม่ต้องสัมผัส ใช้ตรวจจับวัตถุได้ทุกชนิดทั้งที่เป็นโลหะและอโลหะ  โดยความสามารถในการตรวจจับขึ้นอยู่กับค่าคงที่ไดอิเล็กตริก (dielectric constant, k) ของวัตถุ
  • สาเหตุที่เลือกใช้
เพราะถูก,เล็ก , แข็งแรง ,มีความยืดหยุ่น,ฝังตัวในสภาพแวดล้อมต่างๆได้
  • หลักการทำงาน
อาศัยหลักการเปลี่ยนแปลงค่าความจุ  เมื่อวัตถุเป้าหมายเคลื่อนที่เข้ามาใกล้สนามไฟฟ้าที่กำเนิดโดย  Active Electrode และ Earth Electrode  การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวขึ้นอยู่กับระยะทางระหว่างหน้าProximityและวัตถุเป้าหมาย ขนาดและรูปร่างของวัตถุ และชนิดของวัตถุเป้าหมาย (ค่าคงที่ไดอิเล็กตริก)   
  • Theremin

เป็นเครื่องดนตรีอีเล็คโทรนิคส์เก่าแก่ คิดค้นโดย Professor Leon Theremin อาศัยหลักการของคลื่นวิทยุ โดยผู้เล่นสามารถเล่นโดยไม่ต้องแตะต้องเครื่องดนตรีเลย  โดยวิธีการเล่น Thereminจะใช้มือสองมือเคลื่อนที่ไปมาระหว่างเสาอากาศสองต้น โดยระยะห่างระหว่างมือกับเสาอากาศต้นแรกใช้เป็นการกำหนดความถี่   และมือกับเสาต้นที่สองเป็นตัวกำหนดความดังของเสียง


จัดทำโดย
นางสาว ประกายดาว ทัศนีศรีวงศ์ 53211528
นาย คณิน                 หมายดี         53211567


วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Lecture4: Museum Design Process

This is the first time that I try to write the blog in English. Because I would like to improve my English skill.

This week,the class go continue talk about Design and Development process from last week.
I will review it again.

Design and Development process
1.Design and Development process
2.Conceptual framework
3.Conceptual Design
3.Developed design:
4.Detailed design:
5.Production & Installation:
6.Commission & Testing:

And the next ,we talk about “Development Process” 

Development Process

1.Concept phase
- MUST understand what is your content?, what is the mission?, what is focus?
For example of the museum, you have to know What is the mission of museum?, How plan the schedule?, What is the list of the resource?, etc.

2.Development phase
- MUST set the Goal for museum and start to write the story line and design the physical exhibition

3.Content Development
- write the report of  the work process  and find some sponsors  to support your work
-should estimate the cost , investigate the  sources and calculate how far of success task

4.Functional phase
-test the result of works and evaluate the process of them

5.Terminate stage
-dismantle the exhibition and return all thing back to the storage

6.Assessment phase
-report the final work for committees , sponsors  and anyone who relate with work


And the next blog ,I will write about the interactive paper which the graduated student present in front of the class. 



My opinion : The process of design museum make the way how to do and the sequence and important that you should do before or after. And the museum develop process , it just like process in develop software in Software Engineering Course.

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Lecture3:Museum Design Process

วันนี้อาจารย์ชักชวนให้พวกเราลองไป นิทรรศการ "บทเรียนในความมืด" (Dialogue in the Dark)




เเล้ว "บทเรียนในความมืด" (Dialogue in the Dark) คือ อะไร ?

คือ การจำลองให้เราเป็นคนตาบอด โดยการทำกิจกรรมในความมืดเป็นเวลา 1 ชม       

         เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อนในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมันนี โดยฝีมือของนาย อันเดรอัส  ไฮเน็คเค่ (Andreas Heinecke) จากไอเดียง่าย ๆ ของการ “ขายความมืด” นวัตกรรมความคิดชิ้นนี้ได้เติบโตขึ้นกลายเป็นลิขสิทธิ์ธุรกิจพิพิธภัณฑ์ ที่จัดแสดงมาแล้วในกว่า 15 เมืองทั่วโลก ทั้งฮัมบูร์ก แฟรงค์เฟิร์ต มิวนิค เวียนนา มิลาน แอตแลนต้า เม็กซิโกซิตี้ ไนโรบี เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง โตเกียว โซล สิงคโปร์ บาร์เซโลน่า และล่าสุดที่กรุงเทพฯ  ซึ่งในเมืองไทยก็จะอยู่ที่จามจุรีสแควร์ คะ   

       บางครั้ง Interactive ไม่จำเป็นต้องทำมาจากคอมพิวเตอร์เสมอไป อย่างเช่น สนามเด็กเล่น (Play ground ) ก็สามารถทำให้ Interactive ได้ 

ตัวอย่างเช่น 

1. การเปลี่ยน ป้ายบอกทาง (Directory) =>  Interactive Navigator
โดยไม่เพียงแสดงอยู้่ในรูปแบบของ "Text"  อาจจะอยู่ในรูปของ
-No Word
-Icon/ Info-graphic
-Sound 
เพราะเด็กๆยังไม่อ่านหนังสือไม่ออก เเต่สามารถเข้าใจด้วยการสื่อสารในรูปแบบอื่นๆตามข้างต้นได้
หรือ การนำ location based system(GPS)"  มาใช้นำทางในอาคาร

      นอกจากนี้ เรายังสามารถสร้างน่าสนใจให้กับ Model เปลี่ยนจากเดิม ที่ทำมาจาก ไม้ หิน ปูน พลาสติก เปลียนเป็น การใช้ project mapping ลงไปใน model แทน มันจะให้ความรู้สึกที่ WOW!! เเละ เปลี่ยน information หรือ texture จาก Model ได้ด้วย

2. Screen 
อาจใช้  น้ำ หรือ ควันมาเป็นจอรับภาพแทนได้

3.บันได
เปลี่ยนเป็นรุปแบบกระจก เเล้วใช้ เเสง เล่นกับบันได

4. Augmented Reality(AR)
เทคโนโลยีที่ผสานเอาโลกแห่งความเป็นจริง (Real) เข้ากับโลกเสมือน (Virtual) โดยผ่านทางอุปกรณ์ , กล่องมือถือ ,Computer รวมกับการใช้ software ต่างๆ ซึ่งจะทําให้ภาพที่เห็นในจอภาพจะเป็น object (คน,สัตว์,สิ่งของ,สัตว์ประหลาด,ยานอวกาศ) 3 มิติ ซึ่งมีมุมมองถึง 360 องศากันเลยทีเดียว


5.Virtual reality (VR)
เป็นการจำลองแบบของสภาพแวดล้อมจริง และจินตนาการที่แสดงออกมาเป็น virtual experience  3D
ทฤษฏีของการออกแบบนิทรรศการ (ก็ออกแบบคล้ายกับการ search engine)
Search engine ที่เรารู้จักกันดี ก็ได้แก่ google , yahoo, bing, sanook

โดยมีหัวใจหลักอยู่ 3 อย่างคือ
1.การสื่อสาร Communication
2.การกระตุ้น Simulation
3.แบ่งปัน Sharing


1).การสื่อสาร Communication
-โชว์ของ >> สื่อสารด้วยของที่มีอยู่ (Product เจ๋งอยู่เเล้ว)
-โชว์สมอง >> สื่อสารด้วยความคิดหรือไอเดีย (เอา Ideaเจ๋งๆ เข้าไปใส่ให้น่าสนใจ)

2).การกระตุ้น Simulation
-สนุก 
-ได้ค้นหา
-มีส่วนร่วม

3).แบ่งปัน Sharing
-ไม่เน้นอ่าน คือไม่ควรตัวหนังสือเยอะ
-ไม่เหมือนท่องเน็ท คือ ของจริงดูน่าตื่นตาตื่นใจ มากกว่า ข้อมูลในเน็ท
-สัมผัสได้ที่นี่เท่านั้น คือ หาได้จากที่นี่ที่เดียวในโลก

Design and Development Process
Conceptual framework
- What kind of museum is it?
- Exhibition approach
- Media palette
- Topics of exhibition
- Visitor flow
- Sketches

Conceptual Design
- Project administrative structure
- story-line Development (workshop) like story-board or story-telling.
- Design Brief
- Visitor flow
- conceptual floor plan layout (Interface)
- preliminary Design

Develop Design
follow next week..


New Vocabulary of week !
-Curator = ภัณฑารักษ์ >> คนที่ดูแล museum
-Bernstein zimmer   = ห้องหินอัมพัน
-Bernstein = หินอัมพัน
-zimmer  = ห้อง
-Green Computing = การใช้เทคโนโลยีที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
-Green screen = ฉากที่ไว้ตัดฉากหลัง ที่เลือกสีเขียว เพราะ เเยกได้หลายสีมากที่สุด

My opinion: การสร้าง interactive ไม่จำเป็นเลยว่า ต้องเป็นสิ่งที่สร้างจาก คอมพิวเตอร์ บางสิ่งบางอย่างที่สามารถดึงดูงใจคนได้ ก็ถือว่า เป็น interactive เช่นกัน